Goal Success : “ทำเป้าหมายให้สำเร็จ” 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับท่านผู้อ่าน ผ่านมา 1-2 เดือนแล้วหลังจากปีใหม่  ท่านผู้อ่านได้ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อตอนต้นปีสำเร็จไปกี่เป้าหมายแล้วครับ ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากก็จะครบไตรมาสที่ 1 แล้ว ผมคิดว่าได้เวลาที่เราทุกคนจะต้องเริ่มหันกลับมามองสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้หรือไม่

ปีนี้ผมเองตั้งใจไว้ว่าอยากสร้างแรงบันดาลใจให้น้องสาวมีไฟในการสอบเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท หลังจากที่เธอผ่อนผันมานาน อ้างโน่นอ้างนี่ ยังอยากทำงานอยู่บ้างหล่ะ ยังไม่พร้อมเรียนบ้างหล่ะ กลัวเรียนแล้วกระทบการทำงานบ้างหล่ะ แล้วเวลาก็ล่วงผ่านไป 1 – 2 ปี เธอยังไม่ได้เรียนต่อสักที

สองเดือนที่ผ่านมา ผมทำสำเร็จแล้วครับ น้องสาวตัวแสบของผมเธอกลับมามีไฟอีกครั้งหนึ่ง เธอลุกขึ้นมาเตรียมตัวสอบ เอาหนังสือมาอ่าน เอาแบบทดสอบมานั่งดู และเธอพูดออกมาเองเลยว่า เธออยากสอบให้ติด เธออยากเรียนปริญญาโทแล้วในปีนี้ ได้ฟังแบบนี้แล้ว หัวใจของคนเป็นพี่ก็พองโตขึ้นมาทันที

แล้วท่านผู้อ่านหล่ะครับ ตอนนี้หัวใจกำลังพองโต เมื่อเห็นความก้าวหน้าของเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ หรือ ตอนนี้กำลังนั่งนับวันรอให้หมดปี ภาวนาให้หมดปีนี้เร็วๆ  เพื่อที่ว่าจะได้มีความสุขกับปีหน้าเวลาที่ฝันถึงเป้าหมายใหม่อีกครั้งหนึ่ง “ทำเป้าหมายให้สำเร็จ” ตอนที่ 1

เอาหล่ะครับ ผมคิดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่นี่มันก็เพิ่งแค่เดือนสองเดือนแรกของปีเอง เราทุกคนยังพอแก้ไขสถานการณ์บางอย่างให้ดีขึ้นได้  ผมนั่งประเมินดูแล้ว เวลาที่เหลืออยู่น่าจะพอที่พวกเราจะทำเป้าหมายเดิมที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ เพียงแค่ต้องใส่อะไรบางอย่างเข้าไปใน Mindset ของเราเท่านั้นเอง

จากบทความ “ทำเป้าหมายให้สำเร็จ ตอนที่ 1” ผมได้อธิบายถึง 5 วิธีการที่จะพิชิตเป้าหมายให้ท่านผู้อ่านพอเป็นแนวทางเบื้องต้นแล้ว มาวันนี้เรามาต่อกันใน “ทำเป้าหมายให้สำเร็จ ตอนที่ 2” กันอีก 4 วิธี ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนหลงลืมไป หรืออาจทำตกหายไประหว่างเส้นทางการไปสู่เป้าหมายต่าง ๆ ของท่าน

 

5. ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

สิ่งที่เราจะพบแน่ ๆ ในระหว่างการเดินทางไปสู่เป้าหมาย นั่นคือ ปัญหา หรือ อุปสรรค ผมว่ามันคงเป็นความหมายเดียวกับสิ่งที่คนโบราณชอบพูดกันว่า “มารไม่มี บารมีไม่เกิด”  เป้าหมายมันจะมีคุณค่าได้อย่างไร หากมันเป็นเป้าหมายที่ง่ายเกินไป สำเร็จง่ายๆ ทำนิดเดียวหรือไม่ทำก็ได้แล้ว ท่านผู้อ่านลองเปรียบเทียบความรู้สึกดูสิว่า ระหว่างการพิชิตเนินดินข้างบ้าน กับการขึ้นถึงจุดสูงสุดของ ยอดภูกระดึง จ.เลย  

แต่อย่าเพิ่งคิดว่าทุกคนจะผ่านอุปสรรคนั้นไปได้  คนจำนวนมากเมื่อเจอปัญหา ตาเพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยว่า ทุกความสำเร็จที่มีคุณค่าล้วนต้องผ่านอุปสรรคและปัญหามาแล้วทั้งนั้น  ยิ่งอุปสรรคยากเท่าไร เป้าหมายยิ่งสูงค่ามากเท่านั้นมสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด  มนุษย์ก็จะพยายามดิ้นรนแก้ไขปัญหา และเช่นเดียวกัน วิธีการที่เราเลือกใช้แก้ไขปัญหา ส่วนมากก็เป็นวิธีการเดิมๆที่เราคุ้นเคย เช่น เราใช้วีการดุด่าลูกด้วยถ้อยคำหยาบคาย 

 Goal Success

เมื่อลูกทำอะไรไม่ได้ตามที่เราคาดหวัง ตั้งแต่ตอนลูกเรายังเป็นเด็ก จนตอนนี้ลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น พ่อแม่หลายคนก็ยังคงใช้วิธีการ รูปแบบเดิมๆในการเลี้ยงดูเขา

ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านพอจะเดาผลลัพธ์ของการเลี้ยงดูแบบนี้ได้ใช่ไหมครับว่าผลสุดท้ายจะออกมาแบบใด ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ พ่อแม่ไม่ได้วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของสภาพสังคมที่มีผลกระทบต่อวิธีคิด ทัศนคติของเด็ก ทำให้ไม่เห็นความจำเป็นของการปรับเปลี่ยนวิธีการไปสู่เป้าหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์

วิธีการที่เคยใช้ได้เมื่อสถานการณ์หนึ่งในอดีต อาจจะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่พึงพอใจได้ในปัจจุบัน การปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย

โลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คนทำงาน ผู้ประกอบการ ต่างต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง  ท่านผู้อ่านคงพบเห็นอยู่เสมอกับร้านค้าต่างๆที่พยายามสรรหากลยุทธ์เข้ามาดึงดูดใจลูกค้า บริษัทหรือองค์กรแสวงวิธีการต่างๆในการพัฒนาพนักงาน ใครที่หยุดการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์สุดท้ายคงมีสภาพไม่ต่างจาก NOKIA  หรือ KODAK

6. เตรียมแหล่งสำรองพลังใจ

พลังใจ อาจเป็นคำที่ดูเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านรวมถึงผมเอง เราต่างเคยอยู่ในห้วงเวลาที่เรียกว่า “หมดกำลังใจ” ใจมันยังคงอยู่ แต่กำลังมันหายไป น่าแปลกใจมากเลยนะครับที่ กล้ามเนื้อเล็กๆที่เรียกว่าหัวใจ มันสามารถผลิตและส่งกำลังไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างของเราให้เกิดกำลังสามารถกระโดดโลดเต้น ทำงานเช้าจรดค่ำ ทำให้นักกีฬาสามารถวิ่งได้เป็น 100 กิโล คงดีแน่หากพลังใจมันเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา เราคงทำอะไรได้มากมายให้ประสบความสำเร็จตามที่เราคาดหวัง

แต่ในโลกของความเป็นจริง ตลอดหนทางของการไปสู่ความสำเร็จ ยามเมื่อเราเผชิญหน้ากับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา จนบางครั้งเราอยากจะตะโกนร้องขอชีวิต ผู้จัดการที่ไม่สามารถควบคุมดูแลลูกน้องในทีม จนทีมใกล้จะแตก  ผู้บริหารที่ไม่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างที่ผู้ถือหุ้นคาดหวัง ลูกน้องที่ต้องทำงานร่วมกับหัวหน้าที่ขี้เกียจทำงานแต่ขยันเอาหน้า หรือ ต้องเจอหน้าทุกวันกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยทำงานได้ตามที่รับปากกับทีม

ปัญหามากมายที่กองอยู่ตรงหน้า ยังไม่รวมปัญหานานาที่เกิดในชีวิตประจำวัน รถติด ฝนตก น้ำท่วม สุนัขป่วย ทะเลาะกับแฟน สารพันปัญหาที่เข้ามาทำให้พลังใจหายไป  คนจำนวนมากก็เลยเกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่อยากลุกขึ้นมาเผชิญกับปัญหา หลายครั้งเราก็เลยเลือกที่จะละทิ้งเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ แล้วหลีกหนีปัญหากลับเข้าไปอยู่ใน Comfort zone ของตัวเอง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา หลายครั้งที่พบว่าเราไม่ได้เติบโตขึ้นมาเลยและเป้าหมายที่เราเคยได้ตั้งไว้ก็กลายเป็นแค่ความทรงจำเล็กๆเท่านั้นเอง

เวลาที่ผมให้คำปรึกษากับคนที่มาปรึกษา ท่านผู้อ่านรู้ไหมครับ ไม่ว่าคนรวยล้นฟ้า คนธรรมดา หรือคนที่มีฐานะไม่สู้ดีนัก พวกเขาเหล่านั้นรวมทั้งตัวผมเองต่างก็มีปัญหาทั้งนั้น ผมตอบตัวเองและเสนอแนะทุกคนที่เข้ามาหาผมเสมอว่า เมื่อยามที่เราเผชิญปัญหา คนแรกที่จะช่วยฟื้นฟูพลังใจของเราได้นั่นคือ ตัวเราเอง 

ฟังดูท่านผู้อ่านก็อาจคิดว่าก็เหมือนหนังสือหลายๆเล่มที่เขียนมาก่อนหน้านี้ ที่ทุกคนก็พูดว่าต้องเริ่มจากตัวเอง นั่นแหละครับถูกต้องแล้ว แปลว่าทุกคนก็ได้พิสูจน์และเห็นตรงกันแล้วว่า มันคือทางออกที่ดีที่สุด ที่ง่ายที่สุด และเห็นผลลัพธ์ ของการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

“จงเตรียมแหล่งสำรองพลังใจเอาไว้อยู่เสมอ” คือคำที่ผมพูดกับทุกคน เพราะเมื่อถึงคราววิกฤติ จงหาทางออกให้กับตัวเอง สร้างช่องลับ ประตูกล เพื่อเปิดไปหาแหล่งสำรองพลังใจ เพราะเมื่อไหร่ที่มันขาดแคลนและเราหามาเสริมกำลังไม่ทัน เมื่อนั้นเราอาจตกลงไปในหลุมดำของความสิ้นหวัง

ผมเตรียมแหล่งสำรองพลังใจไว้หลายอย่าง ครอบครัว มุมเงียบๆไว้คิด หนังดีให้กำลังใจสักเรื่อง เพื่อนสนิทดีๆสัก 2 คน (ผมเตรียมไว้ 2 คนเสมอ) ที่พร้อมยืนเคียงข้างเรา ไม่ต้องคุยอะไรกันมาก แค่อ้าปากก็รู้ความรู้สึกของกัน โชคดีที่ผมมีเพื่อน 2 คนนั้นอยู่เสมอมาเกือบ 20 ปี

ถึงเวลาที่ท่านผู้อ่านต้องกลับไปหาแหล่งสำรองพลังใจไว้แล้วครับ


          7. เลิกหาข้ออ้างให้ความล้มเหลว

เคยไหมครับที่ขนาดตั้งใจทำ ใช้ความทุ่มเททั้งหมดไปกับการทำเป้าหมายให้สำเร็จ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจไม่ใกล้เคียงเลยกับสิ่งที่คาดหวัง หากผลลัพธ์เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น แน่นอนที่เราผิดหวัง เราอาจมีข้ออ้างมากมาย เช่น ความรู้ไม่มี เงินทุนไม่พอ แรงงานหายาก ไม่มีผู้สนับสนุน หรือต่างๆมากมาย จนพาลไปถึงโชคไม่มี ขาดวาสนา

ท่านผู้อ่านคิดเหมือนผมไหมครับ ถ้าจะหาข้ออ้างจริงๆว่าทำไมเราถึงทำเป้าหมายไม่สำเร็จ ผมเชื่อว่าเราสามารถเขียนได้หลายสิบข้อ บางเรื่องก็เป็นข้ออ้าง บางเรื่องก็เป็นข้อเท็จจริง ยิ่งนั่งคิดยิ่งนั่งเขียนก็หาได้อยู่เรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราแถบไม่ต้องไปเสียเวลามากมายเท่าไหร่กับการหาข้ออ้างให้ความล้มเหลวเลย ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้ท่านวิเคราะห์สาเหตุของการล้มเหลวนะครับ

การนำความบกพร่องมาวิเคราะห์เพื่อปิดจุดที่เรายังทำได้ไม่ดีเป็นเรื่องที่ต้องทำและสมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผมแค่อยากบอกว่า ข้ออ้างแรกที่คุณและผมไม่ต้องหาเลย คือ ตัวเราเอง

เมื่อปีที่แล้ว ผมพยายามลดน้ำหนักให้ได้ตามที่คาดหวัง แต่ปรากฎว่าผมทำได้เพียง 10% ของที่ตั้งเป้าไว้เท่านั้น โดยตอนนั้นสิ่งที่ผมได้ทำมาตลอด คือ ควบคุมปริมาณอาหาร จำกัดแป้ง น้ำตาล ไขมัน ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เป็นเวลา  ผมทำสิ่งเหล่านี้ได้เพียงแค่  1  อาทิตย์ เท่านั้น ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ 1 อาทิตย์หรือ 7 วันเท่านั้นเอง ผมก็ล้มเลิกทุกอย่าง โดยมีข้ออ้างว่า งานเยอะ ถ้าทานน้อยขนาดนั้นผมต้องไม่มีแรงทำงานแน่ ๆ ผมต้องทำงานดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย งานไม่เสร็จจะเอาเวลาที่ไหนมานอนหล่ะ

เห็นไหมครับผมมีข้ออ้างมากมายให้กับความล้มเหลว มันอาจมีข้อดีคือ ทำให้ผมรู้สึกไม่ต้องรับผิดชอบกับความล้มเหลวนั้น เพราะผมคิดว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย ผมทำมันเต็มที่แล้ว ผมมีข้ออ้างเยอะแยะมากมาย โดยแท้ที่จริงแล้ว สาเหตุของความล้มเหลวทั้งหมดนั้นมันมาจาก “ตัวผมเอง”และวันนี้ผมก็ได้กลับมาสู่ลู่วิ่งอีกครั้งหนึ่ง และกำลังก้าวไปสู่เป้าหมายที่ผมกำลังคาดหวังไว้

8. สร้างโอกาส ไม่ต้องรอโชคช่วย

เมื่อลดเวลาในการหาข้ออ้างได้แล้ว คราวนี้แหละครับ หนทางสว่างเปิดขึ้นแล้ว ถึงเวลาที่เราทุกคนต้องเริ่มแสวงหา หรือ สร้างโอกาสขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง อย่ารอโชคหรือวาสนา ส่งสิ่งดี ๆ มาให้เรา เพราะท่านต้องเห็นใจพระเจ้าบ้างว่า ในแต่ละวันคงมีคนร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์มากขนาดไหน

เครื่องมือวิเศษและสิ่งที่พระองค์ประทานมาให้มนุษย์เราทุกคนแล้ว คือ สมองอันชาญฉลาด ร่างกายที่แข็งแรง หัวใจที่แข็งแกร่ง  สิ่งที่เราทุกคนต้องทำในตอนนี้ก็คือ เมื่ออ่านบทความเรื่องนี้จบแล้ว ขอให้ทุกท่านใช้เครื่องมือชิ้นนี้ออกไปสร้างโอกาส หากไม่รู้ไปทำให้รู้ หากไม่มีเพื่อนจงไลน์ไปทักทายเขา หากขาดสิ่งไหน จงสร้างมันขึ้นมา ปล่อยให้โชคเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเอง ถ้าเกิดก็ดี ถ้าไม่เกิดก็ไม่เป็นไร 


โอกาส

 

ผมมักนึกขอบคุณหมอดูคนหนึ่งที่เคยดูดวงผมตอนเด็กๆ แม่เล่าให้ฟังว่า หมอดูทำนายโชคชะตาของผมว่า เป็นคนไม่มีดวง ถ้าอยากได้อะไรต้องสร้างขึ้นมา นั่นแหละครับ คือ สิ่งที่หล่อหลอมผมให้คิดเสมอว่า ถ้ารอโชค รอดวง ผมคงทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างแน่นอน

  ** หากท่านผู้อ่านยังไม่ได้มีโอกาสอ่านในตอนที่ 1  ท่านผู้อ่านสามารถเข้ามาตามอ่านได้ที่ลิ้งที่ผมแนบไว้ได้เลยครับ : https://bit.ly/2RwwB5m